นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท พรีนีโค จำกัด

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการที่บริษัท พรีนีโค จำกัด บริษัท เวบแพก กรุ๊ป จำกัด (รวมเรียกว่า “บริษัท”) เก็บ ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

1. นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้าง นโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท มีความเกี่ยวข้องกับท่านในฐานะลูกค้าบุคคล หรือผู้กระทำการแทนของนิติบุคคล (ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการผู้มีอำนาจ ตัวแทน หรือผู้ทำการติดต่อที่มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล) (รวมเรียกว่า “ลูกค้า”) ในฐานะที่บุคคลดังกล่าวลงทะเบียนข้อมูลส่วนบุคคลในแพลทฟอร์ม www.amot.in.th

2. บริษัทมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดจากท่านบ้าง บริษัทจัดเก็บข้อมูลหลายประเภทซึ่งสามารถนำไปใช้ในการระบุตัวตนของท่านได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม (รวมเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล ที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ อาชีพ รายได้ และข้อมูลอื่นๆที่ระบุในแพลทฟอร์ม www.amot.in.th

3. วัตถุประสงค์ของบริษัทในการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัททำการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้:

3.1 ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บหรือประมวลผล เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำกับบริษัท รวมถึงการดำเนินตามคำขอของท่านก่อนที่ท่านจะทำสัญญากับบริษัท: การดำเนินการตามคำขอของท่านในการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการทางการเงินกับบริษัท ซึ่งการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวนำไปใช้ในการประเมินความต้องการของท่านตามสมบัติที่เกี่ยวข้องกับบริการ หรือผลิตภัณฑ์ และบริการอื่นๆ ที่ท่านต้องการ การแจ้งข้อมูลหรือข่าวสารให้กับท่านเกี่ยวกับบริการ และหรือผลิตภัณฑ์ที่จะมีขึ้นในอนาคต การมอบหมายให้ผู้ให้บริการภายนอกเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลท่าน และ/หรือการนำส่งข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลที่สาม หน่วยงาน หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายตามคำสั่งของท่าน ตามบริการและหรือผลิตภัณฑ์ที่บริษัทนำเสนอ และหรือตามที่ท่านร้องขอในแพลทฟอร์ม www.amot.in.th

3.2 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือบุคคลที่สาม: เพื่อการตรวจจับ ป้องกัน สืบสวน หรือดำเนินการทางกฎหมายเกี่ยวกับการกระทำทุจริต หรืออาชญากรรมอื่นๆ โดยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับฝ่ายกฎหมาย หรือฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อการประเมินสถานการณ์ของเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อบริหารจัดการข้อมูลระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีต่างๆ ของบริษัท และเพื่อทำให้แน่ใจว่าระบบดังกล่าวมีความปลอดภัยที่เพียงพอ เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ในการประเมินและควบคุมด้านความเสี่ยง การวิเคราะห์เชิงสถิติ การปฏิบัติตามนโยบายที่เกี่ยวข้อง การบริหารระบบ การดำเนินการต่างๆ การพัฒนาประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้า การทำรายการหรือการใช้บริการเสร็จสมบูรณ์ การทดสอบและการสนับสนุน และการดำเนินการระบบควบคุมและการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อตรวจสอบและจัดการเกี่ยวกับคำร้อง ข้อโต้แย้ง หรือคำถามที่ท่านมีเกี่ยวกับการดำเนินงาน ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่ท่านได้รับจากบริษัท รวมถึงการช่วยรักษาคุณภาพการให้บริการ และการฝึกอบรมพนักงานในการจัดการกับคำร้อง ข้อโต้แย้ง หรือคำถามต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อทำการสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ที่ท่านมีอยู่ในปัจจุบันหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ และบริการที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายอนุญาตให้สามารถกระทำได้ และท่านไม่ได้ปฏิเสธการรับข้อมูลข่าวสารดังกล่าว รวมถึงการสื่อสารหรือส่งข้อความเป็นการเฉพาะเจาะจงให้กับท่านที่มีความเกี่ยวข้องหรือตรงกับความสนใจของท่าน เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการภายในบริษัท และเพื่อใช้ในการจัดการและพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับท่าน การให้ความช่วยเหลือท่านในด้านต่างๆ สำหรับกิจกรรมทางการตลาดและการพัฒนาธุรกิจ หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการต่อไป

4. บริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งใด

4.1 ได้รับข้อมูลจากท่านโดยตรง: บริษัททำการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้กับบริษัทโดยตรง ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านกรอกลงในใบสมัครสำหรับการใช้บริการผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท และ/หรือในแพลทฟอร์ม www.amot.in.th หรือช่องทางอื่นๆ

4.2 ได้รับข้อมูลจากลูกค้า บุคคลภายนอก หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท: บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากลูกค้าปัจจุบันหรือลูกค้าเป้าหมายผ่านช่องทางการแนะนำ หรือโปรแกรมเพื่อนแนะนำเพื่อน หรืออาจจะเก็บข้อมูลส่วนตัวของท่านจากบุคคลภายนอกในกรณีที่ได้รับคำสั่งจากท่านให้ทำการ

4.3 ได้รับข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ: บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดแค่เพียง รายชื่อของบุคคลต้องห้ามในระดับนานาชาติ ฐานข้อมูลหรือแหล่งข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วไปจากช่องทางออนไลน์ โซเชียล มีเดีย สื่อต่างๆ และหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

5. บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับใคร บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลดังต่อไปนี้

5.1 บริษัทในเครือของพรีนีโค เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัท และเพื่อให้บริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์กับท่าน เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามสัญญา และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ได้ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

5.2 ผู้ให้บริการภายนอกซึ่งทำหน้าที่ให้บริการกับบริษัท และ/หรือ ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์หรือการดำเนินการต่างๆ ตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน

5.3 องค์กรเอกชน และธนาคารที่เป็นคู่สัญญา ผู้ให้บริการด้านการเงิน ผู้ดูแลผลประโยชน์ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของท่านในบริการและ/หรือผลิตภัณฑ์

5.4 ที่ปรึกษาด้านกฎหมายภายนอก กรณีที่มีการติดตามทวงถามหนี้ การปฏิบัติการด้านกฎหมาย การดำเนินคดีทางกฎหมาย รวมถึงการป้องกันสิทธิของบริษัท ทรัพย์สินของบริษัท บุคลากรของบริษัท ความปลอดภัยของบริษัท การดำเนินธุรกิจของบริษัท และลูกค้าของบริษัท

5.5 ตรวจสอบภายใน และผู้ตรวจสอบภายนอกของบริษัท

5.6 หน่วยงานซึ่งมีอำนาจในการกำกับดูแล ดำเนินคดี หน่วยงานเกี่ยวกับภาษี หรือหน่วยงานราชการ ศาล หรือองค์คณะที่มีอำนาจตัดสินคดีในประเทศใด ๆ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

5.7 พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท บริษัทประกันภัย บริษัทโฆษณา โซเชียล มีเดีย หรือสื่อต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือการบริการ และ/หรือการทำการตลาดกับท่าน ตามรายละเอียดที่ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

5.8 บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในบริษัท หรือในสินทรัพย์ หรือทรัพย์สินใดๆของบริษัท

5.9 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งบริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลให้ทราบเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

6. บริษัทมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศหรือไม่ บริษัทไม่มีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ในบางกรณีบริษัทจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา กล่าวคือ เพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการและผลิตภัณฑ์แก่ท่าน

7. บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการต่างๆ ตามหน้าที่ที่ระบุไว้ในสัญญา หรือให้บริการแก่ท่าน และเป็นเวลา 10 (สิบ) ปี หลังจากที่สัญญาระหว่างบริษัทและท่านได้สิ้นสุดลง หรือนับจากการให้บริการแก่ท่านครั้งล่าสุด ยกเว้นในกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดหรืออนุญาตไว้เป็นอย่างอื่น ในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามหน้าที่ที่ระบุไว้ในกฎหมาย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกเก็บรักษาไว้ตลอดระยะที่กฎหมายนั้นๆ กำหนด ในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท บริษัทจะทำการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

8. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง ทั้งนี้ตามที่กฎหมายกำหนด ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้:

8.1 ขอเข้าถึงและขอทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งของข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่ข้อมูลได้กล่าวถูกจัดเก็บโดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทั่วไป และสามารถขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ขอลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ขอคัดค้านการจัดเก็บ ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี รวมถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดโดยตรง (direct marketing) การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอ้างอิงฐานภารกิจของรัฐ (public task) และประโยชน์อันชอบธรรม (legitimate interest) และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ จดหมายเหตุ วิจัย สถิติ ขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ขอให้ทำการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ให้ถูกต้องหรือสมบูรณ์ ขอเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใด ๆ ในกรณีที่บริษัทไม่มีฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมายอีกต่อไป ร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้การใช้สิทธิดังกล่าวของท่านจะอยู่ภายใต้บังคับของข้อจำกัดที่กำหนดไว้ในกฎหมาย บริษัทจะประมวลคำขอของท่านตามหน้าที่ที่ระบุไว้ในกฎหมาย บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามคำขอของท่านในบางกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้บริษัทไม่ปฏิบัติตามได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าว บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบต่อไป

8.2ท่านสามารถจัดการความยินยอมเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ทางการตลาดได้ตลอดเวลาผ่านช่องทางที่กำหนด โดยสามารถส่งคำขอได้ผ่านทาง info@preneco.co.th

9. ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ผ่านช่องทางใด กรณีที่ท่านมีคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือกรณีที่ท่านต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ผ่านช่องทางต่อไปนี้ บริษัท พรีนีโค จำกัด เลขที่ 38/11 ซอยลาดพร้าว 83 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพ 10310 อีเมล info@preneco.co.th หมายเหตุ: ขอสงวนสิทธิ์ในการใช้อีเมลนี้สำหรับการติดต่อเกี่ยวกับการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่านั้น

10. การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว บริษัทอาจจะทำการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทเป็นครั้งคราว ซึ่งจะมีการแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท กรณีที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกระทบต่อวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ก่อนหน้า บริษัทจะทำการแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไป และขอความยินยอมจากท่านอีกครั้ง (เมื่อกฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินการ) ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลบังคับใช้

นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

คุกกี้และวิธีใช้งาน

          นโยบายนี้จะแสดงรายละเอียดวิธีที่ AMOT ใช้คุกกี้และไฟล์ที่เหมือนคุกกี้และเทคโนโลยีบนเว็บไซต์ของ AMOT เช่น ออปเจคต์ที่มีการแบ่งปันในเครื่อง หรือที่เรียกว่า แฟลชคุกกี้, เว็บเบคอน เป็นต้น ซึ่งเราเรียกสิ่งเหล่านี้โดยรวมว่า “คุกกี้” หากคุณไปที่เว็บไซต์ของเรา และเบราว์เซอร์ของคุณได้รับการตั้งค่าให้ยอมรับคุกกี้ เราจะถือว่าเป็นการยอมรับการใช้คุกกี้ของเรา

คุกกี้คืออะไรและทำงานอย่างไร

          คุกกี้เป็นไฟล์ขนาดเล็กที่ถูกส่งและจัดเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์ของคุณจากเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม คุกกี้จะถูกเก็บไว้ในไดเรกทอรีไฟล์บนเบราว์เซอร์ ครั้งถัดไปที่คุณเข้ามาที่เว็บไซต์ เบราว์เซอร์ของคุณจะอ่านคุกกี้และดึงข้อมูลกลับมาที่เว็บไซต์ หรือส่วนที่กำหนดคุกกี้เริ่มแรก ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและวิธีการทำงานของคุกกี้ โปรดดูที่ allaboutcookies.org

ทำไม AMOT ถึงใช้คุกกี้

          ที่โดเมน AMOT.IN.TH ของเราใช้คุกกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ราบลื่นแก่คุณ คุณสามารถดูตัวเลือกในการจัดการคุกกี้ได้ในหัวข้อถัดไป

วิธีจัดการคุกกี้

          คุณสามารถจัดการคุกกี้บนเบราว์เซอร์ (Browser) ของคุณผ่านการเลือกตัวเลือก ซึ่งเบราว์เซอร์สามารถจัดการคุกกี้ที่เกี่ยวข้องกับ ฟังก์ชั่นพื้นฐาน การปรับปรุงเว็บไซต์ การปรับแบบเฉพาะตัวและ การโฆษณา โดยเบราว์เซอร์ที่แตกต่างกันจะใช้ต่างวิธีการในการปิดการทำงานคุกกี้ แต่โดยทั่วไปจะพบได้ในเมนูเครื่องมือ (Tools) หรือตัวเลือก (Options) คุณยังสามารถศึกษาได้จากเมนูวิธีใช้ของเบราว์เซอร์อีกด้วย การปิดการใช้งานคุกกี้อาจทำให้คุณไม่ได้รับบริการบางอย่างจากเว็บไซต์ AMOT หากคุณลบคุกกี้ออกจากเบราว์เซอร์ คุณอาจต้องจำไว้ว่าจะต้องติดตั้งคุกกี้แบบเลือกการทำงานใหม่อีกครั้ง

ข้อมูลถูกเก็บไว้นานแค่ไหน

          ขึ้นอยู่กับประเภทของคุกกี้ โดยที่เซสชันคุกกี้ (Session cookies) จะหมดอายุเมื่อคุณปิดเบราว์เซอร์ ส่วนเพอร์ซิสเตนท์คุกกี้ (Persistent cookies) รวมถึงออปเจคต์ที่มีการแบ่งปันในเครื่อง (“แฟลชคุกกี้”) โดยปกติจะหมดอายุภายในสองเดือนจนถึง 2-3 ปี